มือใหม่หัดวิ่ง " วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก "
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่อยากจะลดน้ำหนักคิดเป็นสิ่งแรกเลยคือการ วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก ซึ่งคนทั่วไปคิดเป็นอย่างแรก (ควรเลือกรองเท้าให้เหมาะกับเท่า)
เพราะการวิ่งง่ายไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายก่ออกไปวิ่งได้แล้วแต่คนส่งนใหญ่ยังไมรู้ว่าการวิ่งนั้นควรจะเริ่มยังไง ซึ่งโดยทั่วไป ก็เริ่มจากกรเดิน บางคนก็เริ่มจากวิ่งเหยาะๆ ซึ่งไม่มีเป้าหมายในการวิ่ง ทำให้เบื่อ น้ำหนักไม่ลดแล้วก็ล้มเลิกในที่สุด
ซึ่งจริงๆแล้วการวิ่งนั้นเป็นการใช้กล้ามเนื้อส่วนใหญ่ของร่างกาย ทำหน้าที่เผ่าผลาญพลังงานออกมาใช้ได้เยอะกว่าการออกกำลังการในแบบอื่นๆ ยกเว้นว่ายน้ำที่ใช้กล้ามเนื้อได้มากว่าการวิ่ง ซึ่งเวลาเราออกกำลังกายแบบเดิมๆเป็นประจำร่างกายก็จะชินกับการเผาผลาญการออกกำลังกายทำให้ไม่มีการเผาผลาญที่มากขึ้นเพื่อลดไขมันส่วนเกินออกไป น้ำหนักจะทรงๆไม่ลดลง
เมื่อวิ่งไประยะหนึ่งแล้วควรปรับเปลี่ยนการวิ่งเพื่อที่จะให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้มากขึ้นไปตามลำดับดังนั้นจึงมีเทคนิคสำหรับ มือใหม่หัดวิ่ง " วิ่งเพื่อลดน้ำหนัก " 12 ข้อด้วยกัน คือ
1. ปรับระยะการวิ่งและเวลาในการวิ่ง
พราะถ้าหากวิ่งระยะทางเท่าเดิมเวลาเท่าเดิมร่างกายจะเรียนรู้วิธีการใช้พลังงานให้น้อยที่สุดเพื่อที่จะวิ่งให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดจึงทำให้เกิดน้ำหนักคงที่ เช่น เดิมวิ่ง 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเปลี่ยนมาเป็นวิ่ง 7 กิโลเมตรชั่วโมง ก็สามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ 2 เท่าเลย
2. ปรับการวิ่งให้เร็วขึ้น และไกลขึ้น
ถ้าปกติของคุณวิ่งอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ระยะทางครั้งละ 3-5 กิโล ความเร็วเพซ 8-9 ถ้าคุณต้องการอยากลดน้ำหนักให้มากขึ้น คือ การเพิ่มความเร็วให้มากขึ้นเท่าที่ร่างกายของคุณรับได้ หรือคุณวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม แต่ใช้เวลาให้นานขึ้น โดยที่ตัวคุณไม่รู้สึกว่าหนักมากหรือเหนื่อยจนเกินไป เบื้องต้นแนะนำครวมีนาฬิกาจับเวลาและความเร็ว
3. ปรับความเร็วในการวิ่งที่เหมาะกับตัวเอง
การปรับความเร็วในการวิ่งนั้นจทำให้ลดน้ำหนักได้ดียิ่ง จะไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากจนเกินไปจนร่างกายรับไม่ไหว สามารถทำให้การเผาผลาญพลังงานได้ดียิ่งขึ้น ดีกว่าการวิ่งเร็วจนเหนื่อยมากๆนั้นจะไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดลง
4. วิ่งหลายรูปแบบผสมกัน
5. วิ่งแบบเบาสลับหนัก
จะช่วยลดน้ำหนักได้ในระยะยาว เพราะการวิ่งธรรมดาจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้แค่ในช่วงที่วิ่งอยู่ แต่ถ้าวิ่งแบบเบาสลับหนัก ร่างกายจะเผาผลาญต่อหลังจากวิ่งเสร็จต่อไปอีกด้วย เช่น วิ่งความเร็วธรรมดา 1 กิโลเมตร สลับกับวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 10 วินาที สลับกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงระยะทางเป้าหมายที่กำหนด
6. วิ่งด้วยระยะเวลาที่เหมาะสม
การวิ่งระยะสั้น ร่างกายจะดึงน้ำตาลในเลือดมาใช้เป็นพลังงานก่อนประมาณ 15 นาทีจากนั้นร่างกายถึงจะดึงส่วนของไขมันมาเผาผลาญ เพราะฉะนั้นหากหยุดวิ่งเร็วเกินไปไขมันจะถูกเผาผลาญได้ไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นควรมีระยะเวลาที่วิ่งอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
7. วิ่งสม่ำเสมอ
โดยหาทางสายกลางของตัวเอง เช่น สัปดาห์ละ 3 วัน 5 วันหรือวันเว้นวันก็จะช่วยทำให้วิ่งได้อย่างยั่งยืนและเห็นผลลัพธ์ได้ในระยะยาวได้ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มจะลดน้ำหนัก อย่าหักโหมจนเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกเหนื่อย เบื่อ ท้อ และล้มเลิกไปในที่สุด
8. เวทเทรนนิ่งควบคู่ไปกับการวิ่ง
การเวทเทรนนิ่งช่วยฝึกฝนกล้ามเนื้อให้แข็งแรงหากทำอย่างถูกวิธีจะทำให้ร่างกายสมส่วน ช่วยเสริมความแข็งแรงเพิ่มมวลกล้ามเนื้อซึ่งเป็นผลดีต่อการลดน้ำหนักเพราะกล้ามเนื้อยิ่งมีมากยิ่งเผาผลาญได้มาก แถมยังเผาผลาญได้อยู่ตลอดเวลาแม้ในขณะหลับ แล้วยังช่วยให้วิ่งได้อึดทนมากขึ้นด้วย
9. เปลี่ยนไปออกกำลังกายประเภทอื่น
อย่ายึดติดกับการวิ่งเพียงอย่างเดียว เพราะช่วยให้ร่างกายฝึกฝนหลายรูปแบบมากขึ้น ทำให้ไม่รู้สึกเบื่อ และยังช่วยให้ได้พักขาเป็นการฟื้นฟูร่างกาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
10. ใส่ชุดวิ่งที่เหมาะสม
ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญได้ ปกติร่างกายจะเผาผลาญไขมันได้ดีมากที่สุดเมื่ออุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น 1 องศา ดังนั้นการเลือกเสื้อผ้าใส่วิ่งที่เหมาะสมสามารถระบายความร้อนได้ดีไม่ดูดซับเหงื่อมากเกินไปก็มีผลต่อการลดน้ำหนักได้เช่นกัน
11. ควบคุมอาหาร
หากวิ่งโดยไม่ควบคุมอาหารก็จะไม่ผอมแต่อย่างใด ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน น้ำตาลสูง ลดคาร์โบไฮเดรตลง เพิ่มโปรตีนและผักมากๆ และควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวันจะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดียิ่งขึ้น
12. พักผ่อนให้เพียงพอ
เวลานอนหลับจะทำให้ร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเองได้เต็มที่ หากนอนน้อยเกินไปก็มีผลต่อการลดน้ำหนักเช่นเดียวกัน